ต่าง Gen ต่างใจ ทำงานร่วมกันอย่างไรให้มีความสุข

ในหลาย ๆ องค์กรมีปัญหาเกิดขึ้นในด้านการทำงาน โดยหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นภายในองค์กรอยู่บ่อยครั้งก็คือปัญหาช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านทัศนคติ มุมมอง วิธีคิด และวิธีทำงานจึงให้มีความขัดแย้งกันเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง

ในหลาย ๆ องค์กรมีปัญหาเกิดขึ้นในด้านการทำงาน โดยหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นภายในองค์กรอยู่บ่อยครั้งก็คือปัญหาช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านทัศนคติ มุมมอง วิธีคิด และวิธีทำงานจึงให้มีความขัดแย้งกันเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ยิ่งภายหลังในปัจจุบันเด็กเจน Z เริ่มเข้าสู่วัยทำงานกันบ้างแล้ว ซึ่งวิธีคิดของเด็กในเจน Z ค่อนข้างแตกต่างกับคนในเจน Y และเจน X ค่อนข้างมาก ดังนั้น เรามาถือธงขาว สร้างสันติภาพให้แก่กัน และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในที่ทำงานกันดีกว่าค่ะ

เพื่อหาจุดร่วมในการทำงานให้ตรงกันและเข้าใจกันมากขึ้น และกระชับช่องว่างระหว่างวัยให้เข้าใกล้กันมากอีกนิด มาหาจุดร่วมการทำงานของคนต่างวัย เพื่อให้การทำงานในองค์กรราบรื่น มีความสามัคคี และมีความสุขกันมากขึ้น แต่ทำได้อย่างไรนั้นมาติดตามกันค่ะ 

รูปแบบการทำงานของคนต่างเจน  

โดยก่อนที่เราจะไปรู้ถึงเคล็ดลับการทำงานของคนต่างเจน เราต้องรู้ก่อนว่าคนแต่ละเจนนั้นมีวิธีคิดและวิธีในการทำงานอย่างไรเพื่อให้เราเข้าใจถึงความแตกต่างได้มากขึ้น 

  • Generation X (พ.ศ. 2508-2522): gen X เป็นคนที่เกิดมาในยุคสมัยที่มีแต่ความมั่งคัง มีการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างสุขสบาย อีกทั้งยังเป็นยุคที่เริ่มให้ผู้หญิงและผู้ชายสามารถออกไปทำงานข้างนอกได้ ลักษณะของคนเจน X จึงต้องการความรัก ความอบอุ่นจากคนในครอบครัว รวมถึงมองว่างานเป็นแค่อีกส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต จึงมีนิสัยค่อนข้างหัวแข็ง ไม่ค่อยให้ความเคารพผู้อาวุโส ไม่ชอบทำงานเป็นแบบแผน พวกพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น หากต้องการรับมือกับคนในเจนนี้จะต้องไม่เอาความเป็นผู้อาวุโสมาข่ม มอบความเป็นกันเองให้กับคนเจนนี้ และใช้การทำงานเป็นเป็นทีมมาผลักดันให้คนเจนนี้มีแรงในการทำงาน 
  • Generation Y (พ.ศ. 2523-2540): สำหรับชางเจน Y เป็นเจนที่ได้เริ่มต้นอพยพตัวเองจากโลกออฟไลน์มาสู่โลกดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นยุคที่มีความเป็นสากลสูงมาก มีวัฒนธรรมแบบ Teen Pop หรือการเปิดรับศิลปินต่างชาติ รวมถึงกลุ่มคนเจนนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี จึงเป็นกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในตัวเองสูง บ้าวัตถุนิยม แต่มีข้อดีก็คื เป็นคนเปิดกว้าง รับฟังความเห็นของผู้อื่น มีทักษะการทำงานเป็นทีม ปรับตัวเก่ง และยอมทำงานหนักเพื่อเป้าหมาย การปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเจน Y ก็คือต้องวางเป้าหมายการทำงานของคนกลุ่มนี้ให้ชัดเจน เปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้ใช้ความรู้อย่างเต็มที่ รวมถึงต้องเคารพในความเป็นส่วนตัวของคนในเจนนี้ให้มาก 
  • Generation Z (พ.ศ.2540 ขึ้นไป) สำหรับเด็กเจน Z ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานกันแล้วโดยส่วนใหญ่จะยังเป็นเด็กจบใหม่ สำหรับเด็กในวัยนี้เป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน มีการเรียนรู้รวมถึงการใช้ชีวิตเป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งเด็กได้รับการเรียนรู้จากโลกดิจิทัลมากกว่าพ่อแม่ซะอีก เด็กในยุคนี้ไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าก่อนหน้าที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตจะเป็นอย่างไร จึงทำให้เด็กในเจนนี้ติดโลกออนไลน์ ตัดสินใจรวดเร็ว ไม่ชอบรอคอย แต่จะเป็นกลุ่มคนที่กลัวอนาคตจึงชอบวางแผนรับมือหรือหาทางป้องกันไว้ก่อน รวมถึงเป็นคนเปิดกว้าง ปรับทัศนคติได้ดี ไม่แบ่งแยกชนชั้น อีกทั้งเป็นพวก Multi tasking เพราะเบื่อง่าย อดทนต่ำ ดังนั้นการทำงานกับเด็กเจนนี้ก็คือการปรับปรุงองค์กรให้ทันสมัย และเปิดโอกาสให้เด็กเจนนี้ใช้ความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ และให้เจนนี้ได้มีบทบาทในการทำงานมากขึ้น 

ต่างเจนแล้วไง ทำงานร่วมกันอย่างไรให้มีความสุข

มาในพาร์ทการทำงานของคนต่างเจน หรือคนละช่วงวัยกันบ้างว่าจะมีวิธีการทำงานอย่างไรให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข

1.เข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง 

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ต่างเจน แต่เพราะแต่ละคนเติบโตกันมาหลายสภาพแวดล้อม มาจากหลายที่มา ดังนั้น การทำงานร่วมกันให้มีความสุขจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของคนในและช่วงวัย เพราะเมื่อเข้าใจกันจะไม่มีเกิดปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากปัญหาช่วงวัยเป็นเหตุ 

2.ให้ข้อเสนอแนะในเชิงบวก 

การทำงานกับคนต่างวัย ซึ่งมีหลาย ๆ จุดที่อาจต่อกันไม่ติด เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน ในเรื่องทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ง่าย ดังนั้น เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการให้ข้อเสนอในเชิงบวก เพราะแทนที่เราจะต่อต้านถึงความแตกต่างดังกล่าว เปลี่ยนมาหาจุดเด่น มองจุดดี และให้ข้อเสนอแนะอีกมุมนึงจะทำให้เรามีความเข้าใจกันมากขึ้น 

3.เปลี่ยนวิธีการสื่อสาร 

สำหรับความแตกต่างของคนในแต่ละวัย สิ่งสำคัญเลยก็คือการสื่อสาร เพราะลักษณะนิสัยของแต่ละช่วงวัยที่ต่างกัน ทำให้นิสัยต่างกันดังนั้น การสื่อสารที่ตอบโจทย์กับคนในช่วงวัยนั้น ๆ มีความสำคัญมาก ๆ อาทิ การเข้าหาคนเจน Z คือต้องมีการสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก ต้องอธิบายหลักเหตุผลจนเข้าใจ เห็นภาพชัดเจน เพื่อให้คนเจน Z ไม่เกิดข้อกังขา หรือสงสัยในเนื้องานที่ตนเองได้รับเป็นต้น 

ถ้าทุกคนปฏิบัติได้ตามนี้ต่อให้คนละวัย ต่างเจนก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะเราได้กลายเป็นต่างเจน แต่ใจเดียวกัน ต่อจากนี้การทำงานในองค์กรต้องราบรื่นอย่างแน่นอน