เทคนิคปั้นทีมขายให้แข็งแกร่ง

ทีมขายแข็งแกร่ง หมายถึงผลกำไรที่มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจนักที่หลาย ๆ ธุรกิจ หลาย ๆ อุตสาหกรรมพยายามปลุกปั้นทีมขายให้แข็งแกร่ง เพราะนั่นกำลังหมายถึงการเจริญเติบโตขององค์กรและนำพาองค์กรไปสู่รายได้ที่ก้าวกระโดด ยิ่งธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันอย่างพวกวิตามินและอาหารเสริมนับว่าเป็นธุรกิจที่ใช้ระบบตัวแทนมีทีมขายเป็นของตัวเอง  

โดยข้อดีของการมีทีมขายก็คือมีตัวกลางในการกระจายสินค้า และมีกระบอกเสียงแทนแบรนด์ที่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรงถึงข้อดีต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์จึงสร้างทีมขายมาเป็นตัวกลางที่เชื่อมผลิตภัณฑ์และลูกค้าเข้าไว้ด้วยกัน ตลอดจนสามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตามนักขายหรือทีมขายจำเป็นต้องมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการขายให้ได้ยอดตามเป้า ดังนั้นมาศึกษาเทคนิคปั้นทีมขายให้แข็งแกร่ง พร้อมปิดยอดทะลุเป้าไปด้วยกันค่ะ 

ทำไมองค์กรต้องให้ความสำคัญกับทีมขาย 

ความสำคัญของทีมขาย โดยหน้าที่แล้วคือการให้ความรู้ผลิตภัณฑ์และสินค้าไปยังผู้บริโภค ตลอดจนให้ความช่วยเกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ โดยข้อดีของมีทีมขายนั้น ลูกค้าจะให้ความสนใจในระดับที่สูงมาก ๆ เนื่องจากเป็นสถานการณ์การตอบโต้ซึ่งหน้า (face-to-face) จึงไม่อาจทำให้ลูกค้าปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงการสื่อสารได้ รวมถึงทีมขายสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลการสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ในทันที 

นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอข้อมูลที่ทางเทคนิคที่ซับซ้อนแก่ลูกค้าได้โดยตรง ๆ สามารถสาธิตคุณสมบัติของผลิตตภัณฑ์ได้ ตลอดจนเกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างทีมขายและลูกค้าโดยตรงจึงส่งผลต่อความภักดีในตราสินค้าโดยตรง 

เทคนิคทำให้ทีมขายแข็งแกร่ง

ถึงเวลาที่ทำให้ทีมขายแข็งแกร่งเป็นผู้นำที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เดินไปข้างหน้า โดยวิธีการทำให้ทีมขายแข็งแกร่ง มีอะไรบ้างมาติดตามกันค่ะ 

  • รู้จักสไตล์การขายของตัวเอง

นักขายที่ดีต้องรู้จักสไตล์การขายของตัวเอง เพราะนักขายแต่ละคนจะมีสไตล์จะให้ความสำคัญกับประเด็นที่แตกต่างกัน ทำให้การแสดงออกมามีทั้งส่วนที่เป็นจุดเด่น และข้อที่ควรระวัง ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการขายหรือการให้บริการ หากเรารู้สองส่วนนี้ก็จะสามารถระมัดระวังและนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

  • รู้จักวิธีการสังเกตรูปแบบของลูกค้า

ลูกค้าก็เป็นสิ่งสำคัญที่นักขายต้องพิชิตใจ ดังนั้นการสังเกตลูกค้าทั้งน้ำเสียง ท่าทาง การแสดงออกจะทำให้นักขายมองเห็นถึงความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยวิธีสังเกตลักษณะโดยรวมของลูกค้าที่มีรูปแบบต่างกัน จึงจำเป็นต้องสังเกตความแตกต่างของลูกค้าให้หมด โดยต้องฟังจากการพูด น้ำเสียง และท่าทาง รวมถึงลักษณะนิสัยการแสดงออก และอายุ เพื่อให้นักขายสามารถเลือกรูปแบบการสื่อสารได้ถูกต้องและตรงใจลูกค้ามากที่สุด รวมถึงการวิธีการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม

  • รู้ความคาดหวังของลูกค้าแต่ละรูปแบบ

แน่นอนว่าการรับรู้ถึงความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าจะช่วยให้นักขายสามารถปรับเปลี่ยนการสื่อสาร วิธีการขาย และวิธีการนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น เพราะว่าลูกค้าแต่ละรูปแบบมีความคาดหวังและความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้มีแนวโน้มที่ให้ความสำคัญ มีความคาดหวังในตัวผู้ขาย และการให้บริการที่แตกต่างกัน หากนักขายสามารถสังเกต ศึกษาลูกค้าถึงความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าให้ชัดเจน เพราะที่จะหาสิ่งจูงใจเพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังลูกค้าแต่ละรูปแบบได้ ก็ส่งผลต่อโอกาสในการปิดการขายได้เช่นกัน

  • รู้จักการปรับเข้ากับลูกค้าแต่ละรูปแบบ

เพิ่มประสิทธิภาพในการจูงใจลูกค้าที่มากขึ้นอีกขั้น นักขายจำเป็นต้องปรับบุคลิกลักษณะของตนเองให้ตรงกับลักษณะของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงแสดงถึงความเป็นมิตรและความเป็นกันเอง เพื่อให้ลูกค้าไม่มีกำแพงกับนักขาย รวมถึงทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและระหว่างกัน จนนำไปสู่การปิดการขายที่ราบรื่น 

เทคนิคทำให้ทีมขายแข็งแกร่งไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ และในยุคนี้ยังมีตัวช่วยในการค้นหาสไตล์ของทั้งตัวเองและทีมงานที่สะดวก รวดเร็ว เช่น การใช้งานแบบประเมินออนไลน์ DISC MODEL เชื่อว่านักขายสามารถนำขั้นตอนเหล่านี้ไปปฏิบัติใช้จริงได้ แล้วจะทำให้นักขายมือใหม่และอยู่มานานทุกท่านสามารถมีทีมขายที่แข็งแกร่ง ปิดยอดได้อย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่ความมั่นคงในอนาคต